วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense คล้ายกับ  สอง Tense ที่ผ่านมา คือมีเหตุการณ์เกิดขึ้น 2 เหตุการณ์
Past Perfect Continuous Tense (Tense อดีตสมบูรณ์กำลังทำ)
Past  พาสท= อดีต
Perfect  เพอเฟ็คท = สมบูรณ์
Continuous คอนทินิวอัส = ต่อเนื่อง
Past Perfect Continuous Tense หมายถึง เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้วมาระยะเวลาหนึ่ง และจะดำเนินต่อเนื่องไปอีก

โครงสร้าง

I,He, She, It, A cat,
You, We, They, Cats
had
been
waiting

หลักการใช้

ใช้บอกเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกกลางคัน
หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (สอง Tense ) และต้องใช้ตามนี้ คือ
  • เหตุการณ์ที่เกิดก่อนและกำลังเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง (ใช้ Past Perfect Continuous Tense)
  • เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง (ใช้ Past Simple Tense)
**** ให้นักเรียนท่องว่า พาส เพอเฟ็ค คอน (past perfect con) เกินก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง
(เป็นครั้งที่ 3 ที่ past simple เป็นพระรองเพราะเกิดหลัง จึงสรุปได้ว่า ถ้ามีสองเหตุการณ์ในอดีตเมื่อไหร่ past simple ต้องเกิดหลังเท่านั้น)

ประโยคบอกเล่า

  • had been waiting for the train for three hours  before it arrived at the station.
    ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึงสถานี
  • When the police arrived, we had been sleeping for five hours.
    เมื่อตำรวจมาถึง พวกเราได้นอนหลับไปแล้ว (ตั้ง) ห้าชั่วโมง(แน่ะ)
  • We had been walking for one hour when we saw a small bird.
    พวกเราได้เดิน (ตั้ง) 1 ชั่วโมง (แน่ะ) ตอนที่พวกเราเห็นนกตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง (แสดงว่านกหายาก)
  • Jim had been reading my book for thirty minutes before he returned it to me.
    จิมได้เอาหนังสือฉันไปอ่าน (ตั้ง) 30 นาที  ก่อนที่เขาจะคืนฉัน (คนซื้อกลับไม่ได้อ่านก่อน)
  • She had been swimming for two hours when the shark came.หล่อนได้ว่ายน้ำเล่น(ตั้ง) 2 ชั่วโมง ตอนที่ฉลามมา (นานมากเลย ปกติแค่ 5 นาทีมันก็โผล่แล้ว)
  • They had been playing football for four hours when it started to rain.
    พวกเขาได้เล่นฟุตบอล (ตั้ง) 4 ชั่วโมง ก่อนที่ฝนเริ่มตก (วันนี้เล่นได้นาน ปกติไม่เกินชั่วโมงก็ตกแล้ว)

Time Line เส้นเวลา

timeline past perfect continuous tense
มาดูไทม์ไลน์กันเลยครับ ว่าถ้ามีเหตุการณ์ในอดีตสองเหตุการณ์ ซึ่งมี “เหตการณ์หนึ่งเกิดก่อน แล้วมีอีกหนึ่งเหตุการณ์เกิดตามหลัง” นั้นเป็นอย่างไร ดูจากไทม์ไลน์แล้ว ง่ายนิดเดียวเอง
  • สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น
  • สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส
  • สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ
  • ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์ที่เกิดก่อน
  • ลูกศรสีแดงคือเหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง
ไทม์ไลน์ตัวนี้อธิบายได้ว่า
  • ลูกศรสีขาวคือ เหตการณ์ที่เกิดก่อน (past perfect continuous)
  • ลูกศรสีแดง คือ เหตุการณ์ที่เกิดหลัง  (past simple)
had been waiting for the train for three hours  before it arrived at the station.
ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึงสถานี
สมมติว่าฉันไปรอรถไฟสักหกโมงเช้าแล้วกัน (จุดเริ่มต้นของเส้นสีขาว) แล้วก็รอหนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป แล้วก็สามชั่วโมงผ่านไป (ลูกศรสีขาว) รถไฟจึงมาถึงสถานี (ลูกศรสีแดง) ถ้ารอสามชั่วโมงแล้วรถไฟไม่มาทำไง ก็รอต่อไปเรื่อยๆนั่นแหละ (เส้นสีเหลือง)
สรุปว่าถ้านักเรียนต้องการบอกกล่าวเล่าเรื่องในอดีต ซึ่งมี “เหตุการณ์หนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วมีอีกหนึ่งเหตุการณ์เกิดตามหลัง” ให้ใช้โครงสร้าง

ประธาน + had +been+ กริยาช่องที่ 1 เติม ing / ประธาน + กริยาช่องที่ 2

  ประโยคปฏิเสธ

โครงสร้าง

I,He, She, It, A cat,
You, We, They, Cats
had not
been
waiting
  • had not ย่อเป็น hadn’t  แฮดดึนท แปลว่า ไม่
  • hadn’t been waiting for the train for three hours  before it arrived at the station. I had been waiting for five hours.
    ฉันไม่ได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึงสถานี ฉันรอตั้ง 5 ชั่วโมง (ต่างหาก)
  • When the police arrived, we had not been sleeping for five hours. We had been sleeping for one hour only.
    ตอนที่ตำรวจมาถึง พวกเราไม่ได้นอนหลับไปแล้ว ห้าชั่วโมง (หรอก) เรานอนหลับแค่ชั่วโมงเดียว เท่านั้น

 ประโยคคำถาม

โครงสร้าง

Had
I, he, she, it, a cat,
you, we, they, cats
been
waiting?
การสร้างประโยคคำถามก็เป็นไปตามกกฎที่ว่า ถ้ามีกริยาช่วย (24 ตัว) อยู่ในประโยคให้เอาขึ้นหน้าประธาน
  • Had you been waiting for the train for three hours  before it arrived at the station?
    คุณได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง  ก่อนที่มันจะมาถึงสถานีใช่ไหม
    Yes, I had. / No, I hadn’t. ใช่แล้ว /ไม่ใช่
  • Had we been sleeping for five hours when the police arrived?
    พวกเราได้นอนหลับไปแล้ว (ตั้ง) ห้าชั่วโมง ตอนที่ตำรวจมาถึงใช่ไหม
    Yes, we had. / No, we hadn’t. ใช่แล้ว /ไม่ใช่

หลักการใช้ Past Perfect Tense

  1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่ เกิดขึ้น และสิ้นสุดลงแล้วในอดีตทั้ง 2 เหตุการณ์ ซึ่งเหตุการณ์หนึ่งได้สิ้นสุดลงก่อนหน้าอีกเหตุการณ์ โดย…
     
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงก่อน จะใช้ Past Perfect Tense 

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงทีหลัง จะใช้ Past Simple Tense 

    We had gone out before he came.
    (เราออกไปข้างนอกกันแล้วก่อนที่เขาจะมา)
     
  2. Past Perfect Tense มักจะใช้กับคำว่า before, after, already, just, yet, until, till, as soon as, when, by the time, by… (เช่น by this month) และอื่นๆ โดยจะมีอาจวิธีการใช้ต่างกันไป เช่น
 
  • Before + Past Simple Tense + Past Perfect Tense เช่น
 
Before I went to the school, I had had a car accident.
(ก่อนที่ฉันจะไปโรงเรียน ฉันได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์)
 
  • After + Past Perfect Tense + Past Simple Tense เช่น
 
After I had finished my homework, I went to the Internet Café.
(หลังจากที่ฉันทำการบ้านเสร็จ ฉันก็ไปยังร้านอินเตอร์เน็ต)
 
  • By the time + Past Simple Tense + Past Perfect Tense เช่น
 
By the time he came here, I already had finished my dinner.
(ตอนที่เขามาถึง ฉันก็กินข้าวมื้อเย็นของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว)
 

วิธีการสร้างประโยค Past Perfect Tense

 
 
ครงสร้าง
 
 
Subject + had + Verb 3
 
ประโยคบอกเล่า
They
had
gone
to the shopping mall.
She
had
found
her wallet.
 
ครงสร้าง
 
 
Subject + had + not + Verb 3
 
ประโยคปฏิเสธ
They
had
not
gone
to the shopping mall.
She
Had
not
found
her wallet.
 
ครงสร้าง
 
 
Had + Subject + Verb 3?
 
ประโยคคำถาม
Had
they
gone
to the shopping mall?
Had
she
found
her wallet?
 
โครงสร้าง
 
 
Who/What/Where/When/Why/How + had + Verb 3?
 
ประโยคคำถาม 
Wh-
Where
had
they
gone?
What
had
she
found?
 
*คำปฏิเสธรูปย่อของ had not คือ hadn’t